สวัสดีครับ ในที่สุดเวลาของปี1ก็ล่วงเลยมาถึงโปรเจคสุดท้ายแล้ว
โปรเจคนี้ถือว่าหนักมาก และถือว่าเป็นตัววัดความรู้ทั่้งหมด ชนิดที่ว่า
ใครมี่เท่าไหร่ก็ต้องขุดออกมาให้หมดเลยทีเดียว
งานนี้เราได้ไปดูSiteงานกันถึงเกราะเกร็ดและได้นั่งเรือชมรอบเกาะมาแล้ว เพราะงานนี้นอกจากที่เราจะออกแบบตามใจเราแล้ว
ยังต้องให้เกิดความสอดคล้องกับบริบทโดยรอบอีกด้วย ซึ่งงานตัวนี้พื้นที่ที่เราได้มาถืมว่าเป็นพื้นที่ๆใหญ่มากเลยทีเดียว
โจทย์ในคราวนี้ยาวขนาดเป็นเนื้อเรื่องเลยทีเดียวคือให้นิสิตออกแบบศิลป์พำนักสำหรับศิลปินทุกแขนง ด้วยขนาดพื้นที่โครงการกว่า 150ตารางวา แต่รองรับศิลปินได้เพียงหนึ่งคน หรือสองคนก็ได้แต่ต้องมาเป็นคู่ ตัวสถาปัตยกรรมต้องส่งเสริมให้ศิลปินมีปฏิสัมพันธ์กับคนในชุมชนสามารถพูดคุยและแลกเปลี่ยนข่าวสารกันได้ โดยอยู่ร่วมกับครอบครัวชาวปากเกร็ด ลุงหมากผู้เชี่ยวชาญด้านพืชศาสตร์ ป้าทับทิม ผู้เชี่ยวชาญขนมไทย และคุณปูรณ์ลูกชายที่ทำอาชีพปั้นเครื่องปั้นดินเผา แต่่สวนที่พักศิลปินต้องดูแลเอง
เนื่องจาพื้นที่เกราะเกร็ดเป็นพื้นที่กึ่งอนุรักษ์ผมจึงพยายามออกแบบให้มีรูปแบบที่เป็นทรงไทยประยุกต์
และเนืื่่องจากที่นั่นมีน้ำท่าวมเป็นประจำในทุกปี จึงมีการถมดินเพื่อยกระดับบ้านให้สูงขึ้นเป็นระดับชั้น
ความยากของเจ้างานตัวนี้คือต้องรองรับUserหรือผู้ใช้งานหลายๆคนซึ่งก็มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งผมก็แบกบ้านหลังนี้ออกเป็นสองเรือนคือเรือนของเจ้าของบ้านและรือนของผูมาอาศัยนั่งก็คือศิลปิน
ซึ่งแต่ละฝ่าก็มีความเป็นส่วนตัวและก็มีพื้นที่นั่งเล่น และรับประทานอาหารให้ผู้คนในบ้านได้มีปฏิสัมพันธ์กัน
งานชิ้นนี้ถือว่าเป็นงานที่ผมฉีกแนวความคิดจากแบบเดิมๆที่ผ่านมา ทำให้ดูมีดีไซน์มากกว่างานอื่นๆ ทั้งรูปแบบภายนอก
และภายในก็ยังมีการเล่นระดับของพื้นซึ่งก็เพิ่งเคยลองทำครั้งแรก แต่ก็ถือว่าได้ผลเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ด้วยขนาดของพื้นที่ทำให้ผมได้มีโอกาสในการทำงานLandscapeซึ่งก็ถือเป็นครั้งเเรกเช่นกัน
และยิ่งเราเป็นเด็กแลนด์ด้วยแล้วเลยจัดเต็มพื้นที่สวนค่อนข้างเยอะ ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมถึงบริเวณเชื่อมต่อของทั้งสองเรือน
ก็ยังมีการเอาธรรมชาติเข้ามาแทรกในกลุ่มอาคาร
ในการนำเสนองานครั้งนี้ก็น่ากลัวอีกเช่นเคยเพราะถึงกับแยกเป็นห้องเดี่ยวๆเพื่อนำเสนอ ครั้งนี้ผมก็ว่าตัวเองยังพรีเซนต์ไม่ดีนักอาจจะเพราะตื่นเต้น อาศัยจัดเต็มตัวงานเข้าว่า แล้วก็โดนคอมเมนต์ต่างๆนาๆเช่นการถมดินทำให้สิ้นเปลืองไป ฯลฯ
สำหรับงานตัวนี้ก็ถือว่าผ่านสำเร็จไปด้วยเวลาอันหวุดหวิดแต่ก็พึงพอใจแล้วเพราะในงานนี้เราสามารถทำได้เต็มที่ในสิ่งที่เราต้องการ
หวังว่าในปีต่อไปคงจะทำงานพัฒนาฝีมือให้ดีกว่านี้เรื่อยๆ
แล้วเจอกันต่อในปี2ครับ^^
^_____________________________^
วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555
PROJECT 2 : SHOPHOUSE
มาถึงงานที่สองของเทอมแล้วหลังจากผ่านงานน้ำท่วมมาหมาดๆ
งานนี้ถื่อว่าเป็นงานที่สนุกมากงานหนึ่งเลยละครับ(แต่บางที่โดนบ่อยๆเข้าก็ท้อTT)
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้ออกไปดูสถานที่จริงที่เราสมมุติว่าเป็Siteทำงานของเราซึงก็อยุ่ตรงข้าม ม.นี่เอง
งานนี้สเกลใหญ่ขึ้นมาหน่อย และมีความท้าทายมากขึ้นด้วย
โปรเจคนี้แหวกแนวซักนิดคือเขาให้เราทำการออกแบบ ร้านค้าซึ่งมีเงื่อนไขคือเป็นร้านค้าหรือทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่เราสนใจ
โดยที่มีเราและพนักงานอีกคนเป็นคนคุมร้านแนะมีห้องนอนพนักงานด้วย
และที่สำคัญโปรเจคนี้จะต้องทำการศึกษากฏหมายต่างๆที่เกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้างอีกด้วย
ประเด็นแรกของงานนี้คือเราจะทำธุรกิจอะไรดี และสิ่งแรกที่ผมคิดได้คือร้านราดหน้า เนื่องจากสมัยเด็กเคยพัวพันอยุ่กับธุรกิจนี้อยู่แล้ว
แต่พอมาคิดๆดูอีกที่มันเหมือนสิ่งที่เราคิดมันแคบไป ทำให้ผมได่ริเริ่มสิ่งต่อมาที่คิดไว้ นั่นก็คือ"FARM"
งานนี้หัวการออกแบบของผม(ซึ่งไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่)เริ่มหลั่งไหลขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนักเพราะผมติดมางานที่แล้วที่เน้นฟังก์ชันมากกว่าการดีไซน์ ทำให้โรงนาน้อยๆของผมดูจะเชยไปนิด
ร้านที่ผมออกแบบนี้ตั้งใจจะให้มันเป็นคล้ายๆกับร้านที่รับสินค้าจากฟาร์มที่ต่างจังหวัดเช่นพวกเสื้อผ้า
เครื่องใช้ รวมไปถึงอาหารและนมสด มาขายในเมือง
ที่ผมออกแบบให้มันเป็นสองชั้นเพราะจะทำให้มันสามมารถมองเห็นได้ในระยะไกลเนื่องจากพื้นที่ร้านของเราเข้ามาในซอยลึก
และที่ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยในชั้นสองเพื่อให้เห็นวิวพื้นโดยรอบ
แม้ว่ารูปลักษณ์มันจะคิดน้อยไปหน่อย แต่รูปแบบฟังก์ชันภายในร้านผมค่อนข้างทุ่มทุนให้กับมันเยอะเนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่
อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและลูกค้าได้มาก
อ้อ!! ผมเกือบลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่า นอกจากโมเดลที่ผมเพียรที่จะถ่ายรูปมาอัพเยอะเราะมันทำยากแล้ว
เพท หรือแผ่นงานที่นำเสนอกก็มีค่าไปไม่น้อยกว่าโมเดลเลย ซึ่งพวกแผ่นๆนี้เองเหละที่ทำให้ผมและ
เพื่อนๆหลายๆคนแทบทำงานไม่ทันกัน เพราะนอกจากขนาดมันจะใหญ่และต้องเนี๊ยบสุดๆแล้ว มันยังมีจำนวนนับสิบแผ่นอีกต่างหาก
นอกจากโมเดลและแผ่นเพลทชิ้นงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ่กันก็คือการนำเสนองาน
ซึ่งงานนี้ผมก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นงานแรกที่เป็นการนำเสนอแบบ1:4คือเราพูดให้อาจารย์4ท่านคอยคอมเมนต์
ซึ่งก็โดนไปแหลกราญพอสมควร
แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นโปรเจคที่สองมาได้ด้วยดี และรอติดตามกับโปรรเจคต่อไป
ซึ่งเป็นโปรเจคสุดท้านของปี่หนึ่งแล้ว รับรอง มันส์แน่!!!
งานนี้ถื่อว่าเป็นงานที่สนุกมากงานหนึ่งเลยละครับ(แต่บางที่โดนบ่อยๆเข้าก็ท้อTT)
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้ออกไปดูสถานที่จริงที่เราสมมุติว่าเป็Siteทำงานของเราซึงก็อยุ่ตรงข้าม ม.นี่เอง
งานนี้สเกลใหญ่ขึ้นมาหน่อย และมีความท้าทายมากขึ้นด้วย
โปรเจคนี้แหวกแนวซักนิดคือเขาให้เราทำการออกแบบ ร้านค้าซึ่งมีเงื่อนไขคือเป็นร้านค้าหรือทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่เราสนใจ
โดยที่มีเราและพนักงานอีกคนเป็นคนคุมร้านแนะมีห้องนอนพนักงานด้วย
และที่สำคัญโปรเจคนี้จะต้องทำการศึกษากฏหมายต่างๆที่เกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้างอีกด้วย
ประเด็นแรกของงานนี้คือเราจะทำธุรกิจอะไรดี และสิ่งแรกที่ผมคิดได้คือร้านราดหน้า เนื่องจากสมัยเด็กเคยพัวพันอยุ่กับธุรกิจนี้อยู่แล้ว
แต่พอมาคิดๆดูอีกที่มันเหมือนสิ่งที่เราคิดมันแคบไป ทำให้ผมได่ริเริ่มสิ่งต่อมาที่คิดไว้ นั่นก็คือ"FARM"
งานนี้หัวการออกแบบของผม(ซึ่งไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่)เริ่มหลั่งไหลขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนักเพราะผมติดมางานที่แล้วที่เน้นฟังก์ชันมากกว่าการดีไซน์ ทำให้โรงนาน้อยๆของผมดูจะเชยไปนิด
ร้านที่ผมออกแบบนี้ตั้งใจจะให้มันเป็นคล้ายๆกับร้านที่รับสินค้าจากฟาร์มที่ต่างจังหวัดเช่นพวกเสื้อผ้า
เครื่องใช้ รวมไปถึงอาหารและนมสด มาขายในเมือง
ที่ผมออกแบบให้มันเป็นสองชั้นเพราะจะทำให้มันสามมารถมองเห็นได้ในระยะไกลเนื่องจากพื้นที่ร้านของเราเข้ามาในซอยลึก
และที่ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยในชั้นสองเพื่อให้เห็นวิวพื้นโดยรอบ
แม้ว่ารูปลักษณ์มันจะคิดน้อยไปหน่อย แต่รูปแบบฟังก์ชันภายในร้านผมค่อนข้างทุ่มทุนให้กับมันเยอะเนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่
อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและลูกค้าได้มาก
อ้อ!! ผมเกือบลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่า นอกจากโมเดลที่ผมเพียรที่จะถ่ายรูปมาอัพเยอะเราะมันทำยากแล้ว
เพท หรือแผ่นงานที่นำเสนอกก็มีค่าไปไม่น้อยกว่าโมเดลเลย ซึ่งพวกแผ่นๆนี้เองเหละที่ทำให้ผมและ
เพื่อนๆหลายๆคนแทบทำงานไม่ทันกัน เพราะนอกจากขนาดมันจะใหญ่และต้องเนี๊ยบสุดๆแล้ว มันยังมีจำนวนนับสิบแผ่นอีกต่างหาก
นอกจากโมเดลและแผ่นเพลทชิ้นงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ่กันก็คือการนำเสนองาน
ซึ่งงานนี้ผมก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นงานแรกที่เป็นการนำเสนอแบบ1:4คือเราพูดให้อาจารย์4ท่านคอยคอมเมนต์
ซึ่งก็โดนไปแหลกราญพอสมควร
แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นโปรเจคที่สองมาได้ด้วยดี และรอติดตามกับโปรรเจคต่อไป
ซึ่งเป็นโปรเจคสุดท้านของปี่หนึ่งแล้ว รับรอง มันส์แน่!!!
PROJECT 1 : ต้องรอด
หลังจากที่ปิดเทอมเป็นเวลานานกว่าสามเดือนจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
เมื่อปิดเทอมมาได้โปรแกรมงานแรกแน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องน้ำท่วมอีกแแน่นอน!!
โปรเจคนี้จะเริ่มต้านด้วยการตรวจสอบสัดส่วนมนุษย์และนำมาวิเคราะห์ว่า ในวันๆหนึ่งเราทำอะไรบ้าง
และนำสึ่งที่เราได้จากการวิเคราะห์นี้มาใช้เป็นแบบแผนในการสร้างงานของเราซึ่งก็คือ
"บ้านรับภัยน้ำท่วม"
งานนี้ถือเป็นงานชิ้นแรกเลยครับที่ผมได้เริ่มออกแบบที่พักอาศัย
โดยโจทย์นี้กำหนดว่าบ้านน้ำท่วมนี้ต้องบ้านสำหรับผู้อาศัย1คน
ให้พื้นที่30ตารางเมตร และน้ำท่วมสูง1เมตร เป็นเวลา1เดือน ไม่มีไฟฟ้าและน้ำสะอาด
เอาหละ ด้วยโจทย์ของงานที่มีเงื่อนไงค่อนข้างเยอะ ทุกวิธีการเอาชีวิตรอดจึงถูกขุดขึ้นมาใช้หมด
งานนี้ของผมจึงไม่เน้นเรื่องความสวยงามมากนัก
รูปแบบที่ออกมาค่อนข้างที่จะออกแนวเป็นงานระบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของมนุษย์
แม้ดีไซน์จะไม่สวยซักเท่าไหร่ แต่ฟังก์ชั่นทุกอย่างในบ้านนี้จะมีประโยชน์ทั้งหมด
เช่นพื้นที่ในการทำการเกษตรลอยน้ำขนาดย่อม และกระชังเลี้ยงปลาชั่วคราว
รวมไปถึงระบบบำบัดน้ำเพื่อที่จะนำมาอุปโภค บริโภค
และด้วยเวลาการใช้งานที่ไม่นานมากทำให้วัสดุที่นำมาใช้งานไม่จำเป็นต้องเป็นวัสดุที่ถาวร ราคาแพง
โปรเจคนี้แม้เรื่องดีไซน์จะยังไม่ถูกคิดซักเท่าไหร่ แต่มันทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องของสัดส่วนมนุษย์ค่อนข้างมาก
และเรื่องนี้เองที่จะส่งผลกับในทุกๆโปรเจคภายหน้า
แล้วเจอกันในงานต่อไปครับ^^
เมื่อปิดเทอมมาได้โปรแกรมงานแรกแน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องน้ำท่วมอีกแแน่นอน!!
โปรเจคนี้จะเริ่มต้านด้วยการตรวจสอบสัดส่วนมนุษย์และนำมาวิเคราะห์ว่า ในวันๆหนึ่งเราทำอะไรบ้าง
และนำสึ่งที่เราได้จากการวิเคราะห์นี้มาใช้เป็นแบบแผนในการสร้างงานของเราซึ่งก็คือ
"บ้านรับภัยน้ำท่วม"
งานนี้ถือเป็นงานชิ้นแรกเลยครับที่ผมได้เริ่มออกแบบที่พักอาศัย
โดยโจทย์นี้กำหนดว่าบ้านน้ำท่วมนี้ต้องบ้านสำหรับผู้อาศัย1คน
ให้พื้นที่30ตารางเมตร และน้ำท่วมสูง1เมตร เป็นเวลา1เดือน ไม่มีไฟฟ้าและน้ำสะอาด
เอาหละ ด้วยโจทย์ของงานที่มีเงื่อนไงค่อนข้างเยอะ ทุกวิธีการเอาชีวิตรอดจึงถูกขุดขึ้นมาใช้หมด
งานนี้ของผมจึงไม่เน้นเรื่องความสวยงามมากนัก
รูปแบบที่ออกมาค่อนข้างที่จะออกแนวเป็นงานระบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของมนุษย์
แม้ดีไซน์จะไม่สวยซักเท่าไหร่ แต่ฟังก์ชั่นทุกอย่างในบ้านนี้จะมีประโยชน์ทั้งหมด
เช่นพื้นที่ในการทำการเกษตรลอยน้ำขนาดย่อม และกระชังเลี้ยงปลาชั่วคราว
รวมไปถึงระบบบำบัดน้ำเพื่อที่จะนำมาอุปโภค บริโภค
และด้วยเวลาการใช้งานที่ไม่นานมากทำให้วัสดุที่นำมาใช้งานไม่จำเป็นต้องเป็นวัสดุที่ถาวร ราคาแพง
โปรเจคนี้แม้เรื่องดีไซน์จะยังไม่ถูกคิดซักเท่าไหร่ แต่มันทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องของสัดส่วนมนุษย์ค่อนข้างมาก
และเรื่องนี้เองที่จะส่งผลกับในทุกๆโปรเจคภายหน้า
แล้วเจอกันในงานต่อไปครับ^^
วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Program: ทัศนศึกษา
หลังจากที่เราหมกตัวกันทำงานอยู่แต่ในคณะ โปรแกรมนี้ก็ได้เปิดโลกทัศน์ของเราสู่โลกกว้าง
โดยให้ไปศึกษางานศิลปะ องค์ประกอบ และการออกแบบ
จากสถานที่ต่างๆ งานนี้เรียกได้ว่าเที่ยวทั่วครับ ทั้ง VR Museum , TCDC , หอศิลป์ฯ , หอไอเฟล <อันสุดท้ายนี่มั่วและ>
ผมก็ได้เลือกงานชิ้นหนึ่งมาจากที่ TCDC ซึ่งเป็นศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
งานชิ้นที่ผมได้เลือทำเป็นงานของบริษัท ART DECHESS
ซึ่งเขาได้ทำการออกแบบชุดหมากรุกเซรามามิก สำหรับใช้ในที่สาธารณะสไตล์ Deco Art
ขากลับบ้านนี่ขาลากเลยครับ วันนั้นตะลอนทัวร์ทั่วกรุงเทพจริงๆ - -
โดยให้ไปศึกษางานศิลปะ องค์ประกอบ และการออกแบบ
จากสถานที่ต่างๆ งานนี้เรียกได้ว่าเที่ยวทั่วครับ ทั้ง VR Museum , TCDC , หอศิลป์ฯ , หอไอเฟล <อันสุดท้ายนี่มั่วและ>
ผมก็ได้เลือกงานชิ้นหนึ่งมาจากที่ TCDC ซึ่งเป็นศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
งานชิ้นที่ผมได้เลือทำเป็นงานของบริษัท ART DECHESS
ซึ่งเขาได้ทำการออกแบบชุดหมากรุกเซรามามิก สำหรับใช้ในที่สาธารณะสไตล์ Deco Art
ขากลับบ้านนี่ขาลากเลยครับ วันนั้นตะลอนทัวร์ทั่วกรุงเทพจริงๆ - -
Program: 6.2 Final Project EPISODE II
มาถึงโปรแกรมสุดท้ายของวิชาดีไซน์ในเทอม1กันแล้วครับ เย้ววๆ จะสู้ให้ถึงที่สุด
งานนี้ต่อจากโปรแกรม6.1เลยครับ คือให้นำงานของตัวที่แล้วมาสร้างให้เกิดเป็นที่ว่างสำหรับให้คนเข้าไปใช้สอยพื้นที่ภายในได้อย่างน้อย1คน
งานนี้ผมได้เอางานตัวที่แล้วมาหาวิธีใหม่ หาแล้วหาเล่า ก็ได้อยู่หลายวิธีเลย ตามภาพข้างล่างครับ
ตัวนี้ดูไม่มีอะไร เพราะซับซ้อนน้อย และดูทำง่ายไปหน่อยเลยตัดทิ้งไปก่อน
พอคิดไปๆมาๆก็กลับแบบเดิมซะอย่างนั้น ตัดไปเช่นกัน
อันนี้ดูน่าสนใจที่สุดแล้ว จริงๆแล้วมันคือตัวกลับด้านของงานที่แล้วแหละครับ(จินตนาการถึงตอนใส่เสื้อกลับด้าน)
ต่อมาผมได้เปลี่ยนวัสดุจากแผ่นใสที่อ่อนยวบ มาเป็นแผ่นหลาสติกพีวีซีที่แแข็งขึ้นมาหน่อยเพื่อรองรับขนาดของงานที่ต้องใหญ่ขึ้นจากเดิมมาก(สเกล1:5จากของจริง)
แ
ล
ะ
แ
ล้
ว
......
เวลาJULYที่รอคอยก็มาถึงงงงง
งานที่ได้ภูมิใจมากที่สุดเลยครับ
ขอเริ่มโชว์จากสเก็ตดีไซน์2แผ่นก่อนล่ะกันนะ
และนี่คืองานที่ได้ สุโค่ยย!!
รูปแปลน - ด้านหน้า - ด้านข้าง ตามลำดับ
มาลองดูงานนี้ตอนจำลองการใช้งานกับโมเดลคนดีกว่า
ขอทิ้งท้ายด้วยภาพความประทับใจซักภาพนะครับ
เห็นแล้วนึกถึงกลอน
"การเรียนแม้เหนื่อยยาก ถึงลำบากอย่าท้อถอย สุดทางที่รอคอย คืออนาคตอันงดงาม"
จบไปแล้วครับกับปี1เทอม1 แค่เริ่มต้นก็เหนื่อยแล้ว
เส้นทางจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมกันต่อไป สู้ต่อไปทาเคชิ-*-
แล้วเจอกันเทอม2ครับ
งานนี้ต่อจากโปรแกรม6.1เลยครับ คือให้นำงานของตัวที่แล้วมาสร้างให้เกิดเป็นที่ว่างสำหรับให้คนเข้าไปใช้สอยพื้นที่ภายในได้อย่างน้อย1คน
งานนี้ผมได้เอางานตัวที่แล้วมาหาวิธีใหม่ หาแล้วหาเล่า ก็ได้อยู่หลายวิธีเลย ตามภาพข้างล่างครับ
ตัวนี้ดูไม่มีอะไร เพราะซับซ้อนน้อย และดูทำง่ายไปหน่อยเลยตัดทิ้งไปก่อน
พอคิดไปๆมาๆก็กลับแบบเดิมซะอย่างนั้น ตัดไปเช่นกัน
อันนี้ดูน่าสนใจที่สุดแล้ว จริงๆแล้วมันคือตัวกลับด้านของงานที่แล้วแหละครับ(จินตนาการถึงตอนใส่เสื้อกลับด้าน)
ต่อมาผมได้เปลี่ยนวัสดุจากแผ่นใสที่อ่อนยวบ มาเป็นแผ่นหลาสติกพีวีซีที่แแข็งขึ้นมาหน่อยเพื่อรองรับขนาดของงานที่ต้องใหญ่ขึ้นจากเดิมมาก(สเกล1:5จากของจริง)
แ
ล
ะ
แ
ล้
ว
......
เวลาJULYที่รอคอยก็มาถึงงงงง
งานที่ได้ภูมิใจมากที่สุดเลยครับ
ขอเริ่มโชว์จากสเก็ตดีไซน์2แผ่นก่อนล่ะกันนะ
และนี่คืองานที่ได้ สุโค่ยย!!
รูปแปลน - ด้านหน้า - ด้านข้าง ตามลำดับ
มาลองดูงานนี้ตอนจำลองการใช้งานกับโมเดลคนดีกว่า
ขอทิ้งท้ายด้วยภาพความประทับใจซักภาพนะครับ
เห็นแล้วนึกถึงกลอน
"การเรียนแม้เหนื่อยยาก ถึงลำบากอย่าท้อถอย สุดทางที่รอคอย คืออนาคตอันงดงาม"
จบไปแล้วครับกับปี1เทอม1 แค่เริ่มต้นก็เหนื่อยแล้ว
เส้นทางจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามชมกันต่อไป สู้ต่อไปทาเคชิ-*-
แล้วเจอกันเทอม2ครับ
Program: 6.1 Final Project!!!!!!!
มาถึงแล้ววว กับโปรเจคสุดท้ายสุดหินที่รอคอย
งานนี้เราไม่ได้โดดเดี่ยวและหว่าเหว้อย่างที่ผ่านๆมา เพราะโปรแกรมนี้ให้เราได้ทำงานทันเป็นคู่
ผมได้คู่กับเจ้า"บอส"(ธนภัทร วลีเกียรติกุล) บอสเป็นคนที่มีกระบวนการคิดค่อนข้างที่จะสูงล้ำ(มาก)
ฉะนั้นเมื่อบวกกับความหล่อของผม(เกี่ยวมั้ย?)งานของเราจึงออกมาเฟอร์เฟคสุดยอด
โจทย์นี้หินพอดู แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเราหรอก งานนี้ให้ขึ้นรูปทรงเปิดโดยเลือกวัสดุทางเลือกมา3ชนิด จากนั้นทดลองขีดจำกัดทางกายภาพในการขึ้นรูปทรง เพื่อที่จะเลือกวัสดุมาเพียง1ชนิดมาใช้ ซึ่งเราจะได้รับการตรวจแบบจากอาจารย์ควบคู่ไปด้วยกับการทำงานชิ้นนี้
ตรวจแบบครั้งแรก
ชิ้นนี้ยอมรับเลยครับว่าเกิดจากความบังเอิญของแท้ ซึ่งก็เป็นตัวจุดประกายที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
คือผมได้เลือกวัสดุเป็นแผนใสสี(ที่ใช้ทับปกรายงานนั่นแหละครับ)ที่เลือกใช่เพราะเวลามันซ้อนทับกันแล้วมันเหมือนเป็นการผสมสีและจะได้สีใหม่ แล้วนำมันมาสานกันโดยที่แต่ละเส้นที่สานกันนั้นมีหัวท้ายไม่เท่ากันเลย
พอสานกันแล้วก็ดูเหมือนงานสานกันธรรมดา แต่ความบังเอิญมันมาตอนที่ผมจับมันมาดึงเล่น มันเกิดการโค้งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติสวยงามมาก
แต่งานชิ้นนี้จำเป็นต้องมีแรงดันจากภายในตลอดเวลาทำให้ดูขัดแย้งระหว่างแผ่นและไม้ดาม อาจารยจึงแนะนำให้หาวิธีที่จะให้มันอยู่ตัวได้ด้วยตัวมันเอง
ตรวจแบบครั้งที่สอง
เป็นการให้มันขึ้นโครงเป็นรูปโค้งเลยแล้วสานไปอีกแนว โดยคราวนี้มีการใช้แผ่นใสต่างสีกันมาเพื่อให้เกิดEffectของสีเวลาที่มันซ้อนกัน แต่อาจารย์คอมเม้นว่ามันดูเป็นการขึ้นโครงที่เป็นการตั้งใจดัดมากเกินไป
SUB JULY
และแล้วก็ถึงเวลาส่งแบบครั้งแรกของไฟนอลโปรเจค ผลงานที่ได้ก็เป็นดังนี้ครับ
งานนี้เป็นการสานโดยเป็นการวนเส้นที่ซับซ้อนมาก โดยมีการใช้เทคนิคการล็อคกันเพื่อต่อความยาวของเส้นด้วย
ถือว่าประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งเลยครับกับงานตัวนี้ รู้สึกถูมิใจกับงานมากเลย
ขอยอมรับว่าบางครั้งก็ถอดใจกับการทำงานนนี้แต่ก็ยังมีเพื่อนบอสคอยให้กำลังใจอยู่ตลอด ก็แหงหละ ถ้าไม่มีผมแล้วใครจะช่วยเค้าทำ 55+ ล้อเล่นหนะครับ ยังไงก็ตามก็ฝากBlogของเพื่อนบอสไว้ด้วย เผื่อใครสนใจเข้าไปดูได้ที่
474thanaphat.blogspot.com ผลงานของเค้าก็มิใช่เด็กๆเลย
งานนี้เราไม่ได้โดดเดี่ยวและหว่าเหว้อย่างที่ผ่านๆมา เพราะโปรแกรมนี้ให้เราได้ทำงานทันเป็นคู่
ผมได้คู่กับเจ้า"บอส"(ธนภัทร วลีเกียรติกุล) บอสเป็นคนที่มีกระบวนการคิดค่อนข้างที่จะสูงล้ำ(มาก)
ฉะนั้นเมื่อบวกกับความหล่อของผม(เกี่ยวมั้ย?)งานของเราจึงออกมาเฟอร์เฟคสุดยอด
โจทย์นี้หินพอดู แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเราหรอก งานนี้ให้ขึ้นรูปทรงเปิดโดยเลือกวัสดุทางเลือกมา3ชนิด จากนั้นทดลองขีดจำกัดทางกายภาพในการขึ้นรูปทรง เพื่อที่จะเลือกวัสดุมาเพียง1ชนิดมาใช้ ซึ่งเราจะได้รับการตรวจแบบจากอาจารย์ควบคู่ไปด้วยกับการทำงานชิ้นนี้
ตรวจแบบครั้งแรก
ชิ้นนี้ยอมรับเลยครับว่าเกิดจากความบังเอิญของแท้ ซึ่งก็เป็นตัวจุดประกายที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
คือผมได้เลือกวัสดุเป็นแผนใสสี(ที่ใช้ทับปกรายงานนั่นแหละครับ)ที่เลือกใช่เพราะเวลามันซ้อนทับกันแล้วมันเหมือนเป็นการผสมสีและจะได้สีใหม่ แล้วนำมันมาสานกันโดยที่แต่ละเส้นที่สานกันนั้นมีหัวท้ายไม่เท่ากันเลย
พอสานกันแล้วก็ดูเหมือนงานสานกันธรรมดา แต่ความบังเอิญมันมาตอนที่ผมจับมันมาดึงเล่น มันเกิดการโค้งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติสวยงามมาก
แต่งานชิ้นนี้จำเป็นต้องมีแรงดันจากภายในตลอดเวลาทำให้ดูขัดแย้งระหว่างแผ่นและไม้ดาม อาจารยจึงแนะนำให้หาวิธีที่จะให้มันอยู่ตัวได้ด้วยตัวมันเอง
ตรวจแบบครั้งที่สอง
เป็นการให้มันขึ้นโครงเป็นรูปโค้งเลยแล้วสานไปอีกแนว โดยคราวนี้มีการใช้แผ่นใสต่างสีกันมาเพื่อให้เกิดEffectของสีเวลาที่มันซ้อนกัน แต่อาจารย์คอมเม้นว่ามันดูเป็นการขึ้นโครงที่เป็นการตั้งใจดัดมากเกินไป
SUB JULY
และแล้วก็ถึงเวลาส่งแบบครั้งแรกของไฟนอลโปรเจค ผลงานที่ได้ก็เป็นดังนี้ครับ
งานนี้เป็นการสานโดยเป็นการวนเส้นที่ซับซ้อนมาก โดยมีการใช้เทคนิคการล็อคกันเพื่อต่อความยาวของเส้นด้วย
ถือว่าประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งเลยครับกับงานตัวนี้ รู้สึกถูมิใจกับงานมากเลย
ขอยอมรับว่าบางครั้งก็ถอดใจกับการทำงานนนี้แต่ก็ยังมีเพื่อนบอสคอยให้กำลังใจอยู่ตลอด ก็แหงหละ ถ้าไม่มีผมแล้วใครจะช่วยเค้าทำ 55+ ล้อเล่นหนะครับ ยังไงก็ตามก็ฝากBlogของเพื่อนบอสไว้ด้วย เผื่อใครสนใจเข้าไปดูได้ที่
474thanaphat.blogspot.com ผลงานของเค้าก็มิใช่เด็กๆเลย
Program: 5.3 ม้าลายในทุ่งกว้าง
ถึงเวลาจาผ่าไปยาวนาน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังขลุกอยู่กับเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าม้าลาย ประมาณว่าฝันเป็นม้าลายกันเลยทีเดียว
แต่นี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้ทำงานกับเจ้าม้าขาวดำนี่ งั้นก็ของบู๊สุดๆเลยละกัน
โจทย์นี้ให้ออกแบบม้าลายเป็นรูปทรงเปิด อธิบายง่ายๆก็ประมาณว่าเป็นประติมากรรมม้าลายที่คนดูเข้าไปดูได้
ตัวแลกนี่ในสายตาของผมว่ามันเฟอร์เฟคมากเลย มันเป็นแนวที่ดูเหมือนการจักนิทรรศการเกี่ยวกับม้าลายอะไรประมาณนี้
แต่อย่างไรก็ตามหลายๆคนก็ดูว่ามันยังไม่ใช่ม้าลาย ผมก็เลยต้องกดฟันเปลี่ยนไป ทั่งทั้งชี่ตัวเองชอบมากเลยT T
ในเมื่อเราทำอ้อมค้อมแล้วดูไม่ออก
ก็จัดเต็มๆตรงๆไปเลย
ตัวนี้ผมทำม้าลาสองตัวกำลังพุ่งทะยานอยู่บนลานกว้าง
โดยทำจากการนำแผ่นกระดาษทรงต่างๆ มาจัดเรียง-ซ้อนทับกันจนได้ทั้งตัว(ยอมรับว่ายากมวากกก)
ถือเป็นการฉีกจากแนวเดิมอีกครั้งซึ่งเสี่ยงต่อผลคะแนนมาก
อันนี้เป็นสเก็ตดีไซน์ที่เอามาประกอบการนำเสนอโมเดลตัวนี้ครับ
แต่นี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้ทำงานกับเจ้าม้าขาวดำนี่ งั้นก็ของบู๊สุดๆเลยละกัน
โจทย์นี้ให้ออกแบบม้าลายเป็นรูปทรงเปิด อธิบายง่ายๆก็ประมาณว่าเป็นประติมากรรมม้าลายที่คนดูเข้าไปดูได้
ตัวแลกนี่ในสายตาของผมว่ามันเฟอร์เฟคมากเลย มันเป็นแนวที่ดูเหมือนการจักนิทรรศการเกี่ยวกับม้าลายอะไรประมาณนี้
แต่อย่างไรก็ตามหลายๆคนก็ดูว่ามันยังไม่ใช่ม้าลาย ผมก็เลยต้องกดฟันเปลี่ยนไป ทั่งทั้งชี่ตัวเองชอบมากเลยT T
ในเมื่อเราทำอ้อมค้อมแล้วดูไม่ออก
ก็จัดเต็มๆตรงๆไปเลย
ตัวนี้ผมทำม้าลาสองตัวกำลังพุ่งทะยานอยู่บนลานกว้าง
โดยทำจากการนำแผ่นกระดาษทรงต่างๆ มาจัดเรียง-ซ้อนทับกันจนได้ทั้งตัว(ยอมรับว่ายากมวากกก)
ถือเป็นการฉีกจากแนวเดิมอีกครั้งซึ่งเสี่ยงต่อผลคะแนนมาก
อันนี้เป็นสเก็ตดีไซน์ที่เอามาประกอบการนำเสนอโมเดลตัวนี้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)