วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

FINAL PROJECT : ศิลป์พำนัก รักษ์เกาะเกร็ด

สวัสดีครับ ในที่สุดเวลาของปี1ก็ล่วงเลยมาถึงโปรเจคสุดท้ายแล้ว
โปรเจคนี้ถือว่าหนักมาก และถือว่าเป็นตัววัดความรู้ทั่้งหมด ชนิดที่ว่า
ใครมี่เท่าไหร่ก็ต้องขุดออกมาให้หมดเลยทีเดียว

งานนี้เราได้ไปดูSiteงานกันถึงเกราะเกร็ดและได้นั่งเรือชมรอบเกาะมาแล้ว เพราะงานนี้นอกจากที่เราจะออกแบบตามใจเราแล้ว
ยังต้องให้เกิดความสอดคล้องกับบริบทโดยรอบอีกด้วย ซึ่งงานตัวนี้พื้นที่ที่เราได้มาถืมว่าเป็นพื้นที่ๆใหญ่มากเลยทีเดียว



โจทย์ในคราวนี้ยาวขนาดเป็นเนื้อเรื่องเลยทีเดียวคือให้นิสิตออกแบบศิลป์พำนักสำหรับศิลปินทุกแขนง ด้วยขนาดพื้นที่โครงการกว่า 150ตารางวา แต่รองรับศิลปินได้เพียงหนึ่งคน หรือสองคนก็ได้แต่ต้องมาเป็นคู่ ตัวสถาปัตยกรรมต้องส่งเสริมให้ศิลปินมีปฏิสัมพันธ์กับคนในชุมชนสามารถพูดคุยและแลกเปลี่ยนข่าวสารกันได้ โดยอยู่ร่วมกับครอบครัวชาวปากเกร็ด ลุงหมากผู้เชี่ยวชาญด้านพืชศาสตร์ ป้าทับทิม ผู้เชี่ยวชาญขนมไทย และคุณปูรณ์ลูกชายที่ทำอาชีพปั้นเครื่องปั้นดินเผา แต่่สวนที่พักศิลปินต้องดูแลเอง


เนื่องจาพื้นที่เกราะเกร็ดเป็นพื้นที่กึ่งอนุรักษ์ผมจึงพยายามออกแบบให้มีรูปแบบที่เป็นทรงไทยประยุกต์
และเนืื่่องจากที่นั่นมีน้ำท่าวมเป็นประจำในทุกปี จึงมีการถมดินเพื่อยกระดับบ้านให้สูงขึ้นเป็นระดับชั้น




ความยากของเจ้างานตัวนี้คือต้องรองรับUserหรือผู้ใช้งานหลายๆคนซึ่งก็มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งผมก็แบกบ้านหลังนี้ออกเป็นสองเรือนคือเรือนของเจ้าของบ้านและรือนของผูมาอาศัยนั่งก็คือศิลปิน
ซึ่งแต่ละฝ่าก็มีความเป็นส่วนตัวและก็มีพื้นที่นั่งเล่น และรับประทานอาหารให้ผู้คนในบ้านได้มีปฏิสัมพันธ์กัน


งานชิ้นนี้ถือว่าเป็นงานที่ผมฉีกแนวความคิดจากแบบเดิมๆที่ผ่านมา ทำให้ดูมีดีไซน์มากกว่างานอื่นๆ ทั้งรูปแบบภายนอก
และภายในก็ยังมีการเล่นระดับของพื้นซึ่งก็เพิ่งเคยลองทำครั้งแรก แต่ก็ถือว่าได้ผลเป็นอย่างดี




นอกจากนี้ ด้วยขนาดของพื้นที่ทำให้ผมได้มีโอกาสในการทำงานLandscapeซึ่งก็ถือเป็นครั้งเเรกเช่นกัน
และยิ่งเราเป็นเด็กแลนด์ด้วยแล้วเลยจัดเต็มพื้นที่สวนค่อนข้างเยอะ ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมถึงบริเวณเชื่อมต่อของทั้งสองเรือน
ก็ยังมีการเอาธรรมชาติเข้ามาแทรกในกลุ่มอาคาร




ในการนำเสนองานครั้งนี้ก็น่ากลัวอีกเช่นเคยเพราะถึงกับแยกเป็นห้องเดี่ยวๆเพื่อนำเสนอ ครั้งนี้ผมก็ว่าตัวเองยังพรีเซนต์ไม่ดีนักอาจจะเพราะตื่นเต้น อาศัยจัดเต็มตัวงานเข้าว่า แล้วก็โดนคอมเมนต์ต่างๆนาๆเช่นการถมดินทำให้สิ้นเปลืองไป ฯลฯ




สำหรับงานตัวนี้ก็ถือว่าผ่านสำเร็จไปด้วยเวลาอันหวุดหวิดแต่ก็พึงพอใจแล้วเพราะในงานนี้เราสามารถทำได้เต็มที่ในสิ่งที่เราต้องการ
หวังว่าในปีต่อไปคงจะทำงานพัฒนาฝีมือให้ดีกว่านี้เรื่อยๆ
แล้วเจอกันต่อในปี2ครับ^^



^_____________________________^

PROJECT 2 : SHOPHOUSE

มาถึงงานที่สองของเทอมแล้วหลังจากผ่านงานน้ำท่วมมาหมาดๆ
งานนี้ถื่อว่าเป็นงานที่สนุกมากงานหนึ่งเลยละครับ(แต่บางที่โดนบ่อยๆเข้าก็ท้อTT)
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้ออกไปดูสถานที่จริงที่เราสมมุติว่าเป็Siteทำงานของเราซึงก็อยุ่ตรงข้าม ม.นี่เอง
งานนี้สเกลใหญ่ขึ้นมาหน่อย และมีความท้าทายมากขึ้นด้วย


โปรเจคนี้แหวกแนวซักนิดคือเขาให้เราทำการออกแบบ ร้านค้าซึ่งมีเงื่อนไขคือเป็นร้านค้าหรือทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่เราสนใจ
โดยที่มีเราและพนักงานอีกคนเป็นคนคุมร้านแนะมีห้องนอนพนักงานด้วย
และที่สำคัญโปรเจคนี้จะต้องทำการศึกษากฏหมายต่างๆที่เกี่ยวกับที่ดินและการก่อสร้างอีกด้วย

ประเด็นแรกของงานนี้คือเราจะทำธุรกิจอะไรดี และสิ่งแรกที่ผมคิดได้คือร้านราดหน้า เนื่องจากสมัยเด็กเคยพัวพันอยุ่กับธุรกิจนี้อยู่แล้ว
แต่พอมาคิดๆดูอีกที่มันเหมือนสิ่งที่เราคิดมันแคบไป ทำให้ผมได่ริเริ่มสิ่งต่อมาที่คิดไว้ นั่นก็คือ"FARM"


งานนี้หัวการออกแบบของผม(ซึ่งไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่)เริ่มหลั่งไหลขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มากนักเพราะผมติดมางานที่แล้วที่เน้นฟังก์ชันมากกว่าการดีไซน์ ทำให้โรงนาน้อยๆของผมดูจะเชยไปนิด




ร้านที่ผมออกแบบนี้ตั้งใจจะให้มันเป็นคล้ายๆกับร้านที่รับสินค้าจากฟาร์มที่ต่างจังหวัดเช่นพวกเสื้อผ้า
เครื่องใช้ รวมไปถึงอาหารและนมสด มาขายในเมือง


ที่ผมออกแบบให้มันเป็นสองชั้นเพราะจะทำให้มันสามมารถมองเห็นได้ในระยะไกลเนื่องจากพื้นที่ร้านของเราเข้ามาในซอยลึก
และที่ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยในชั้นสองเพื่อให้เห็นวิวพื้นโดยรอบ


แม้ว่ารูปลักษณ์มันจะคิดน้อยไปหน่อย แต่รูปแบบฟังก์ชันภายในร้านผมค่อนข้างทุ่มทุนให้กับมันเยอะเนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่
อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและลูกค้าได้มาก



อ้อ!! ผมเกือบลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่า นอกจากโมเดลที่ผมเพียรที่จะถ่ายรูปมาอัพเยอะเราะมันทำยากแล้ว
เพท หรือแผ่นงานที่นำเสนอกก็มีค่าไปไม่น้อยกว่าโมเดลเลย ซึ่งพวกแผ่นๆนี้เองเหละที่ทำให้ผมและ
เพื่อนๆหลายๆคนแทบทำงานไม่ทันกัน เพราะนอกจากขนาดมันจะใหญ่และต้องเนี๊ยบสุดๆแล้ว มันยังมีจำนวนนับสิบแผ่นอีกต่างหาก




นอกจากโมเดลและแผ่นเพลทชิ้นงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ่กันก็คือการนำเสนองาน
ซึ่งงานนี้ผมก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นงานแรกที่เป็นการนำเสนอแบบ1:4คือเราพูดให้อาจารย์4ท่านคอยคอมเมนต์
ซึ่งก็โดนไปแหลกราญพอสมควร


แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นโปรเจคที่สองมาได้ด้วยดี และรอติดตามกับโปรรเจคต่อไป
ซึ่งเป็นโปรเจคสุดท้านของปี่หนึ่งแล้ว รับรอง มันส์แน่!!!

PROJECT 1 : ต้องรอด

หลังจากที่ปิดเทอมเป็นเวลานานกว่าสามเดือนจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่
เมื่อปิดเทอมมาได้โปรแกรมงานแรกแน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องน้ำท่วมอีกแแน่นอน!!

โปรเจคนี้จะเริ่มต้านด้วยการตรวจสอบสัดส่วนมนุษย์และนำมาวิเคราะห์ว่า ในวันๆหนึ่งเราทำอะไรบ้าง
และนำสึ่งที่เราได้จากการวิเคราะห์นี้มาใช้เป็นแบบแผนในการสร้างงานของเราซึ่งก็คือ
"บ้านรับภัยน้ำท่วม"

งานนี้ถือเป็นงานชิ้นแรกเลยครับที่ผมได้เริ่มออกแบบที่พักอาศัย
โดยโจทย์นี้กำหนดว่าบ้านน้ำท่วมนี้ต้องบ้านสำหรับผู้อาศัย1คน
ให้พื้นที่30ตารางเมตร และน้ำท่วมสูง1เมตร เป็นเวลา1เดือน ไม่มีไฟฟ้าและน้ำสะอาด

เอาหละ ด้วยโจทย์ของงานที่มีเงื่อนไงค่อนข้างเยอะ ทุกวิธีการเอาชีวิตรอดจึงถูกขุดขึ้นมาใช้หมด
งานนี้ของผมจึงไม่เน้นเรื่องความสวยงามมากนัก


รูปแบบที่ออกมาค่อนข้างที่จะออกแนวเป็นงานระบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของมนุษย์


แม้ดีไซน์จะไม่สวยซักเท่าไหร่ แต่ฟังก์ชั่นทุกอย่างในบ้านนี้จะมีประโยชน์ทั้งหมด
เช่นพื้นที่ในการทำการเกษตรลอยน้ำขนาดย่อม และกระชังเลี้ยงปลาชั่วคราว
รวมไปถึงระบบบำบัดน้ำเพื่อที่จะนำมาอุปโภค บริโภค
และด้วยเวลาการใช้งานที่ไม่นานมากทำให้วัสดุที่นำมาใช้งานไม่จำเป็นต้องเป็นวัสดุที่ถาวร ราคาแพง




โปรเจคนี้แม้เรื่องดีไซน์จะยังไม่ถูกคิดซักเท่าไหร่ แต่มันทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องของสัดส่วนมนุษย์ค่อนข้างมาก
และเรื่องนี้เองที่จะส่งผลกับในทุกๆโปรเจคภายหน้า
แล้วเจอกันในงานต่อไปครับ^^